เห็นเรื่อง sexual predator วันนี้แล้วอยากเล่าอีกมหากาพย์ที่ไปเจอคนพวกนี้มาตอนไปแลกเปลี่ยนบ้าง

*เรื่องนี้ขออนุญาตคนที่เป็นผู้เสียหายอีกคนก่อนมาเล่าแล้ว ขอความกรุณาไม่ไปสืบหาตัวว่าผู้เสียหายคือใคร หรือคนที่รู้ก็อย่าไปถามย้ำๆกะเจ้าตัว เพราะอาจกระทบใจเขาได้*
อยากจั่วหัวไว้เป็นอุทาหรณ์ให้เด็กแลกเปลี่ยนรู้ไว้ว่า ***อย่าไว้ใจคนไทยในต่างแดนมากเกินไป***

ตอนไปแลกเปลี่ยนเราอายุ 16 ย่าง 17 ส่วนผู้เสียหายตอนนั้นอายุ 18 (เราขอแทนว่า A) ตอนนั้นเราโชคดีที่ได้อยู่แถวเมืองใหญ่ ใกล้เพื่อนไทย ใกล้แหล่งชอป แต่กับ A ไม่ใช่
A อยู่เมืองห่างไกล แถมเป็นคนไทยคนเดียวในแชปเตอร์นั้น ตอนนั้น A มีปัญหากับโฮสต์ และไม่เข้ากะเพื่อนที่โรงเรียนไม่ค่อยได้ มันเลยเคว้งๆ เราเจอ A ไม่กี่ครั้งตอนนัดไปเที่ยวด้วยกัน จากนั้นก็มีคอลหากันบ้าง
แต่มีครั้งนึงตอนนัดเที่ยวกัน A ขอพาพี่คนไทยที่นางรู้จักมาด้วย ซึ่ง A รู้จักคนนั้นเพราะเขาเป็นเจ้าของร้านอาหารไทยที่ A ไปกิน (ขอแทนว่าเสี่ย B) และใช่ เขาอยู่เมืองเดียวกันกับ A
ประจวบกับตอนนั้นโรงเรียนเรามีกิจกรรมหยุดเรียนให้นักเรียนไปหางานทำ เพื่อเอาเงินที่ได้จากการทำงานไปบริจาคให้องค์กรการกุศล แล้วร้านที่เด็กไปขอทำงานจะรู้กัน ก็จะให้ทำงานเบาๆ แต่จ่ายเยอะเพื่อเป็นการบริจาค

้เราก็อยากทำไง ก็เล่าให้เพื่อนฟัง เสี่ย B ได้ยินเลยชวนเราไปทำงานร้านแก
นี่ก็ลังเลเพราะเมืองนั้นไกล แต่ A อยากให้เราไปมากก เสนอว่าให้นอนค้างบ้าน A ได้เลย แล้วจะได้ไปเที่ยวกันต่อ นี่ก็เลยตกลงไป เพราะตอนนั้นก็คุยจนโอเคกะเสี่ย B ประมาณนึงแล้ว

พอถึงวันทำงานเราก็นั่งรถไฟไปแต่เช้า ถึงเมืองนั้นประมาณ 10 โมง
ถึงเมืองปั๊บ เสี่ย B ก็ขับรถมารับเราที่สถานีรถไฟไปร้านแก พอไปถึงก็อ้าว ร้านยังไม่เปิดเลย สรุปคือร้านเปิดช่วงเย็น นี่ก็เริ่มงงละ ฉันมาทำอะไรที่นี่ เสี่ย B ก็บอกว่า อ๋อให้มาช่วยเตรียมวัตถุดิบไง

ซึ่งร้านแกไม่ได้ใหญ่มากนะ มีแค่ 3-4 โต๊ะ แล้วบรรยากาศก็สลัวๆ
มีแม่แกอีกคนนั่งทำบัญชีอยู่ในร้าน แกก็พาเราไปในครัว แล้วเอาไก่มาให้เราหั่น ระหว่างเราหั่นไก่แกก็เล่นโทรศัพท์พร้อมชวนคุยไปด้วย ไม่มีความรีบใดๆ

แล้วเรื่องที่แกชวนคุยที่เรารู้สึกแปลกๆก็แบบ เรามีแฟนยัง เคยมีอะไรกับแฟนมั้ย รู้มั้ยเด็กที่นี่มี sex กันไวนะ ค.คิดเราต่อเรื่อง sex เป็นไง
คือเหมือนคำถามที่แทรกๆมากับคำถามทั่วไป จนเราเอ้ะ คนที่นี่เขาคุยกันแบบนี้เหรอ? ก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง

สักพักเขาก็ชวนเราไปซื้อวัตถุดิบที่มาร์ท ก็นั่งรถออกไป แต่แทนที่จะไปที่มาร์ท
เขาดันเลี้ยวรถไปร้านน้ำชา/เค้กชื่อดังของเมืองนั้นแทน แล้วราคาคือตาถลนมาก แล้วเขาสั่ง high tea set มาเลย ซึ่งแพงสุดในร้าน แล้วเขาบอกว่าเนี่ย สั่งมาให้เรากิน กินเป็นเพื่อนเขาหน่อย ตอนแรกนี่บ่ายเบี่ยงไม่กล้ากิน สุดท้ายเขาก็คะยั้นคะยอให้เรากิน
แล้วเริ่มโม้ว่า "พา A ออกไปกินนู่นนี่กินนี่ ซื้อนู่นนี่ให้ A ตลอด A เขาก็น่ารักมากเลยนะ สเปคพี่เลย แต่เราอะหน้าเหมือนแฟนเก่าพี่เลยนะ" ซึ่งบทสนทนามันดูธรรมชาติมากจนน่ากลัว คือเขาแทรกๆพวกนี้เข้ามาในบทสนทนาทั่วไป ถามไถ่ชีวิตเราบ้าง โม้ชีวิตเขาบ้าง
เราก็รู้สึกได้แหละว่ามันแปลก เขาก็เหมือน aware ตรงนี้เลยพยายามทำให้มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ดูเป็นเรื่องที่ "คุยกันได้ ไม่ต้องเขิน เขาเปิดกว้าง" ซึ่งชั้นก็ต้องตามน้ำไปก่อน

พอกินเค้กเสร็จ เขาก็ยังไม่ไปมาร์ทอยู่ดี
แต่พาเราไปเดินดูเมือง ที่ creepy สุดคือเขาบอกว่าหินก้อน(ใหญ่)ข้างแม่น้ำเป็นจุดที่ถ้ามานอนหลับตาอธิษฐานแล้วจะสมหวัง (ซึ่งก็มีฝรั่งนอนหลับตาอยู่จริงๆ หรือเขาแค่นอนกลางวันฟะ) อะชั้นก็ลอง พอลืมตาขึ้นมาคืออิเสี่ย B มานอนข้างๆโว้ยย
กุก็ตกใจดีดตัวขึ้นเลยอะ แต่เขาแม่งเอามือมาโอบไหล่ ยกโทรศัพท์แล้วบอกว่ามาเซลฟี่กันสักรูป นี่อยากกรี๊ดมาก แต่ทำไรไม่ถูก เขาทำเหมือนการแตะตัวเป็นปกติมาก ตั้งแต่ทักทายเราด้วยการแตะแก้มสามทีแบบชาวดัตช์ละ

นี่ก็ออกปากชวนเขาไปมาร์ทได้แล้ว เขาก็ยังไม่ไป!
แต่พาฉันไป apple store ไปช่วยเขาเลือกสี apple watch แล้วพานี่ไปกินเค้กอีกร้าน แถมสั่งมาสองชิ้นแบบมัดมาชก แนะนำว่าอร่อย ต้องลอง จนตอนนั้นสี่โมงแล้ว สุดท้ายก็ได้ไปมาร์ทสักที เขาก็ซื้อของ ทำเป็นมาสอนว่าเรียกวัตถุดิบนู่นนี่เป็นภาษาดัตช์ว่าไง
พอซื้อเสร็จก็นั่งรถกลับร้าน เขาบอกว่าเราไม่สนุกเหมือน A เลย แต่เหมือนแฟนเก่าเขาเปี๊ยบ เหมือนตั้งแต่หน้ายันนิสัย ถึงได้เลิกกัน แล้วลงท้ายว่าแค่แซวนะ ฮ่าๆๆ ฮ่าพ่องดิ พอกลับมาถึงร้านปั๊บนี่คือไม่ไหวละอะ อยากกรี๊ด แต่ A มารออยู่ที่ร้านแล้ว(A เพิ่งมาตอนเย็นเพราะร.ร.นางไม่หยุด)
แต่อิเสี่ย B ไม่เปิดโอกาสให้นี่อยู่กะ A สองคนเลย แล้วเสี่ย B กะ A คือสนิทกันมากก They look comfortable together เออ A ก็เคยบอกแหละว่าเสี่ย B เข้าใจ A ที่สุด เป็นเหมือนเพื่อน/พี่ชาย นี่ก็แบบ มันบ่าได้ๆๆ พะงาบๆๆ
แล้วประเด็นคือช่วงนั้น A มากินอาหารไทยที่ร้านเสี่ย B แทบ ทุก วัน แถมเสี่ย B ให้กินฟรีด้วย เพราะ A โฮมซิกมากๆ คิดถึงไทย อยากกินอาหารไทย อยากพูดภาษาไทย in person กะใครสักคนอะ
เย็นนั้นเสี่ย B ก็ทำอาหารให้กินฟรี A บอกอร่อยมาก แต่ฉันไม่รู้รสเลย จะอ้วก ตอนนั้นคือไม่ไหวแล้ว เมืองนี้ไม่ปลอดภัย ชั้นจะ take the last train กลับเมืองชั้น A ก็งงๆ เพราะเรายังไม่มีโอกาสได้เล่า แต่สรุปวันนั้นเราก็กลับบ้าน (ถึงเกือบเที่ยงคืนแต่รู้สึกปลอดภัยที่สุดในโลก)
จากนั้นก็โทรไปเล่าให้ A ฟัง A บอกมันปกตินะ เรื่องแบบนี้เขาก็เปิดกว้าง เราก็พยามย้ำว่ามันแปลกๆ (แต่เอาจริงตอนนั้นเราก็ไม่ชัวร์เพราะยังสับสน) A ก็เข้าใจว่าเราเป็นเด็กน้อยที่ตกใจกับเรื่องนี้ได้ง่ายๆ แต่ฉันไม่โทษ A เพราะ conditions ต่างๆ ทำให้เขามองเสี่ย B เป็นที่พึ่ง
จุดพีคอยู่ที่อาทิตย์ต่อมา A ชวนเราไปบาร์ เคลมว่าเสี่ย B จะเลี้ยง แต่คือเราได้ยินชื่อเสี่ยบ้านั่นก็จะอ้วกละ เลยปฏิเสธไป A เลยไปชวนเพื่อนอีกคน ขอย่อว่า C
ไปๆมาๆคืนนั้น C ติดต่อเรามา ว่าให้เราไปหาได้มั้ย นี่ก็งงๆว่าทำไม
C ก็เล่าว่าเขากลัว A ก็เมาพูดไม่รู้เรื่องแล้ว แล้วเสี่ย B ก็ไม่น่าไว้ใจ แล้วไม่รู้จะติดต่อหาใครดี เพื่อนผช.ตอนนั้นก็ไม่รู้จะพึ่งใครดี ไม่รู้จะเล่ายังไงด้วย แต่คิดว่าเราน่าจะเข้าใจ
นี่ก็อยู่ใน dilemma มากๆ เพราะ A เคยบอกว่าไม่อยากให้เราเอาเรื่องที่เขาเจอกับเสี่ย B ไปบอกโฮสต์เขา ไม่งั้นโฮสต์อาจจะไม่ชอบใจ ไปฟ้องโครงการ โดนส่งกลับ(ขู่จะส่งกลับเก่งมากค่ะ) แล้วสมัยนั้นเรายังชอบแก้ปัญหาด้วยตัวคนเดียว(ก็พ่อแม่ฉันไม่เคยช่วยอะเนอะ) เลยแบบ เอาว่ะ ไปก็ไป
มองย้อนกลับไปตอนนั้นคือเสี่ยงและโง่มาก อย่าเลียนแบบเด็ดขาด ตอนนั้นบอกโฮสต์ว่าจะไปนอนบ้านเพื่อน แต่นั่งรถไฟด่วนไปเลย ใช้เวลา 1.45 hr บวกนั่งแท็กซี่ไปบาร์ พอถึงคือ A พูดอ้อแอ้ไม่รู้เรื่อง ส่วน C ฟุบหลับไปละ
พออิเสี่ย B เห็นเรามาก็กุลีกุจอสั่งเบียร์มาอีกรางใหญ่ คิดว่านางคงกรึ่มๆแล้ว นี่ก็เตรียมอัดเสียงพร้อม ละก็ดื่มเป็นมารยาท ดีที่ตอนนั้นดื่มแอลกอฮอล์เป็น และ alc tolerance พอได้
ยาวมาก เดะมาต่อ ละนี่เพิ่งครึ่งเดียว หาวิธีย่อแปป แต่แบบอยากลงรายละเอียดให้เยอะๆเพื่อจะได้เข้าใจว่าคนที่อยู่ในสถานการณ์นั้นสับสนยังไง เห้อ
ซึ่งบทสนทนาในโต๊ะตอนนั้นคือเหี้ยมาก
เหี้ยจนสมองฉันดับ เสี่ย B คือเล่าประสบการณ์เซ็กซ์ของตัวเองไม่หยุด แบบมีเซ็กซ์กะผญ.ตั้งแต่หน้าประตูห้อง ไปถึงห้องครัว ฯลฯ
และอันนี้ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าจริงหรือจ้อจี้ เสี่ยBบอกว่าเคยนอนกับเด็กแลกเปลี่ยนมาแล้ว(คนละโครงการ) แล้วนางก็ถ่ายรูปไว้เด็กจะได้ไม่กล้าบอกใคร แต่นางก็เลี้ยงเด็กคนนั้นแบบ "สมเกียรติ" นะ ในขณะเดียวกันก็เริ่มดูถูกว่าผญ.ทุกคนเห็นแก่เงิน แล้วถามชั้นว่าต้องให้เงินเท่าไรถึงจะยอมนอนด้วย
นี่ก็แบบ กลัวชิบหายแต่ก็ต้องทนฟัง ทำเป็นตื่นเต้น เออออ เพราะมีเพื่อนอีกสองคนหมดสภาพอยู่ ระหว่างเล่าเสี่ย B ก็เอามือลูบ A ที่นั่งข้างๆไม่หยุด จนอิเสี่ยเห็นเรายังไม่เมาสักที เลยสั่งเหล้ามา 6 shots ซึ่งจริงๆผิดกฎหมาย เพราะที่เบลเยียมเด็ก 16 ดื่มได้แค่เบียร์หรือ alc ต่ำๆอะ
แต่เสี่ย B สัญญาว่าถ้าฉัน finish 3 shots จะพากลับบ้าน แต่นี่รู้ว่าตัวเองไม่น่าไหว shot แรกก็อ่ะดื่มจริง แต่ shot สองนี่แอบเทใส่แก้วเบียร์เสี่ย ส่วน shot สุดท้ายตอนจังหวะเสี่ยยกดื่มฉันแอบเทลงพื้น สรุปอิเสี่ยก็ไม่รักษาสัญญาจ้า ไม่พากลับ
นี่เลยบอกจะพา A ไปเข้าห้องน้ำเพรสะนางเหมือนจะอ้วก แล้วเปลี่ยนชื่อเบอร์เราในมือถือนางเป็น gastbroer (host brother) พอพานางกลับมาที่โต๊ะสักพัก นี่ก็กดโทรออกไปหา A นางก็รับแล้ว Hello อยู่สักพัก ไม่มีคนพูด เราเลยบอกว่า เอามาๆ เดี๋ยวคุยให้ แล้วทำเป็นคุยกะสายมโนอันนั้น
เสร็จก็หันไปบอกอิเสี่ย B ว่า เนี่ยโฮสต์ A โกรธมากที่ตอนนี้ยังไม่กลับบ้าน เขาบอกให้กลับเดี๋ยวนี้ บลาๆๆ อิเสี่ย B เลยยอมพากลับมาส่งบ้าน A จนได้

สิ่งที่ไม่คาดคิดคือ จริงๆแล้ว C ที่เหมือนฟุบหลับได้ยินและรับรู้ทุกอย่าง แต่กลัวมากเลยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา แต่เข้าใจได้อะ แม่งน่ากลัวจริง
ก็ตกลงว่าจะบอก A กันตอนเช้า แต่อิเสี่ย B ดันเอารถมาจอดรอหน้าบ้าน A ตั้งแต่ 7 โมงยังกะหยังสยองขวัญ สิ่งที่ชั้นไม่รู้คือเสี่ย B อาสาเป็นไกด์พาไปทัวร์อีกเมืองนึงวันนี้ อารามรีบเลยจับผลัดจับผลูขึ้นรถอิเสี่ย B กันไปอีก
บนรถคืออึมครึมมาก อิเสี่ยพยายามชิลๆแต่ตะล่อมถามว่าเราจำเรื่องเมื่อคืนได้บ้างไหม นี่ก็บอกว่าเรางงๆมึนๆอะ ตื่นมาก็ลืมหมด ส่วน C นั่งเงียบกริบ แล้วเสี่ย B มองผ่านกระจกมองหลังมาดูบ่อยมาก สยองสุด
สุดท้ายกว่าจะได้คุยกะ A ก็คือตอนค่ำ ไฟล์เสียงเสือกฟังไม่ชัดอีก แต่โชคดีที่รอบนี้ C เป็นพยานให้ A เลยเชื่อ เลิกติดต่อกับเสี่ย B ในไลน์ และไม่ไปที่ร้านอาหารอีก
ใครจะรู้ว่าเสี่ย B ขับรถไปดักรอ A หลังเลิกเรียนที่โรงเรียน แล้วกระหน่ำบีบแตรพร้อมเรียกชื่อ A ตอนนั้นA ตกใจทำไรไม่ถูก อายคนรอบข้างด้วย เลยยอมขึ้นรถไป เสี่ย B ก็โมโหถามไม่หยุดว่าทำไมไม่ตอบไลน์ ไม่ไปที่ร้าน
A เลยต้องโกหกว่าโดนโฮสต์กักบริเวณ+จำกัดการใช้มือถือ พอ A รอดจากรถเสี่ย B มาได้ นางก็รีบไลน์หาเราทันที นี่ก็ช็อคอะ เพราะน่ากลัวที่เสี่ย B มีข้อมูล A ทุกอย่าง รู้ที่อยู่บ้าน ที่อยู่โรงเรียน แถมเสี่ย B ยังบอกว่าแค้นเราอีก
จริงๆคือเสี่ย B เป่าหู A ตั้งแต่วันที่เราไปทำงานที่ร้านอาหารเขาละ ว่าเราเป็นพวกหน้าเนื้อใจเสือ ข้างนอกใสๆข้างในร้ายลึก อย่าไปคบ แล้วยิ่งวันที่เสี่ย B บังคับA ขึ้นรถ ยังด่าเราด้วยว่าร่าน เล่นตัว สันดานเหมือนแฟนเก่าที่หลอกเอาเงินเขาไป
นี่กลัวมาก บอกให้ A บอกโฮสต์/โครงการเหอะ แต่ A กลัวโดนส่งกลับ เลยไม่ยอมบอก แถมกำชับเราว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับใคร แต่แกก มันน่ากลัวมากแล้ว (อันนี้โครงการควรพิจารณานะว่าการชอบขู่จะส่งเด็กกลับไทยมันทำให้เด็กไม่กล้าบอกปัญหาอะ)
สุดท้ายเราเลยตัดสินใจบอกโฮสต์ตัวเอง โฮสต์นี่ก็ทั้งโกรธทั้งเสียใจแหละที่เราไปทำอะไรเสี่ยงๆโดยไม่บอกแกก่อน แต่ตรงนี้ก็เคลียร์ใจกะโฮสต์มัมอีกหนึ่งเรื่อง เพราะแกแสดงให้เราเห็นว่าบอกแกได้ทุกอย่างจริงๆ ไม่ว่าเราจะคิดว่ามันไร้สาระหรือดูงี่เง่าแค่ไหน แกไม่เคยทิ้งให้เราแก้ปัญหาคนเดียว
มัมนี่เลยประสานงานกับคนของโครงในแชปเตอร์นั้นให้ (แนบ concern ที่เราบอกว่าไม่อยากให้ส่ง A กลับไทย) แต่เขาก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องบอกโฮสต์ของ A อะ ทำให้A กะโฮสต์มีปากเสียงกัน A เลยงอนนี่ว่าทำไมเอาไปบอก ชั้นกลายเปงนัง traitor
ตอนนั้นเราคิดว่าเราทำสุดค.สามารถแล้ว เลยไม่ได้ตามว่าเรื่องเป็นไง เขาเคลียร์ด้วยวิธีไหน แต่ A ก็กลับไทยโดยสวัสดิภาพตามกำหนดจ้า ตอนหลังได้มาคุยกัน เขาเล่าว่าจากเหตุการณ์นี้ทำให้เขากับโฮสต์ได้คุยกันมากขึ้นจนคสพ.ดีขึ้นในระดับนึง เพราะที่ผ่านมาโฮสต์ไม่ค่อยมีเวลาเขาเลยเหงาๆเคว้งๆ
เรื่องนี้เราเตือนรุ่นน้องที่สนิท/รู้จักให้ส่งต่อตลอด แบบบอกสักคนสองคนแล้วไปเตือนเพื่อนต่อนะ แต่ตอนนี้คิดว่าทวิตเลยดีกว่า เพราะบางคนก็อาศัยความเป็น "คนไทยด้วยกัน" แล้วใช้จังหวะที่เด็กเคว้งหาประโยชน์แบบนี้อะ ทำเป็นผู้ใหญ่ใจป้ำ เข้าใจเด็ก เปิดกว้าง แต่จริงๆ...
You can follow @cliche_t.
Tip: mention @twtextapp on a Twitter thread with the keyword “unroll” to get a link to it.

Latest Threads Unrolled: